ขึ้นชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยวแล้วย่อมมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้าไปแวะเวียนทัวร์ ชิม ช็อป ถ่ายรูป เช็คอิน แต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช๊อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้นแล้วก็ร้องเพลง
แต่คุณผู้ฟังรู้มั้ยครับ? ว่าทุกๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนไปกันเยอะๆ เนี่ย ขยะมันจะมากขนาดใหน ซึ่งผมบอกได้ว่ากองเป็นภูเขาเลยล่ะครับ ยกตัวอย่างใกล้ๆ อย่างอ่าวมาหยาของทางภาคใต้เรานี่แหละครับไม่ต้องเอาไกลมาก ในแต่ล่ะวันๆ ทั้งนักท่องเที่ยวบ้างทั้งขยะบ้าง ต่างถาโถมเข้าใส่อ่าวมาหยาอย่างหนักหน่วงแบบนันสต๊อป จนอ่าวจำต้องปิดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวกันเลยทีเดียว
อ่าวมาหยา ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล จังหวัดกระบี่ โดยอ่าวมาหยาจะมีลักษณะเป็นเวิ้งคล้ายๆ พระจันทร์เสี้ยว และมีน้ำทะเลสีครามอยู่ตรงหน้าจัดว่าสวยเลยล่ะครับ เหมาะแก่การเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจจากงาน และจากปัญหาต่างๆ แต่ด้วยความที่ว่าเป็นที่ที่สวยมากจนเกินไป จนเกิดเหตุการณ์ Overtourism หรือก็คือคนท่องเที่ยวมากจนเกินไป โดยในแต่ละวันมีคนไปท่องเที่ยวสูงถึง 3,000 - 4,000 คนต่อวัน บวกกับเรือที่ไปจอดรอนักท่องเที่ยวอีกประมาณ 200 ลำต่อวัน เรียกได้ว่าถ้าขยะไม่เยอะ สัตว์ป่าไม่ตาย พืชพรรณป่าไม้ปะการังไม่ถูกทำลายให้มันรู้ไป
ด้วยเหตุนี้วันที่ 1 มิถุนายน พศ.2561 จึงจำต้องประกาศปิดอ่าวมาหยา งดเข้า งดเที่ยว ปล่อยให้ธรรมชาติได้รักษาแผลของตนเองหลังจากบอบช้ำจากนักท่องเที่ยวมานานแสนนาน นับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็จวนจะครบ 1 ปีแล้ว ถึงจวนจะครบปีแล้วก็ตามแต่ธรรมชาติในอ่าวมาหยาก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนักเท่าไหร่ ในขณะเดียวกันมีผลสำรวจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รายงานออกมาว่า อ่าวมาหยามีลิมิตในการรับนักท่องเที่ยวสูงสุดเพียงแค่ 375 คนต่อวันเท่านั้น ซึ่งลดจากของเดิมไปหลายเท่าตัว
ถ้าหากไปเที่ยวที่ใหนก็ควรทิ้งขยะลงถัง และไม่เบียดเบียนสัตว์ป่าในที่แห่งนั้น เพื่อที่จะได้มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ อยู่คู่ไปกับเรานานๆ ล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น