โดยเรื่องนี้ที่ผมจะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้มันมีที่มาครับ โดยย้อนกลับไปช่วงผมอายุ 12 ปี หรือก็ภาษาชาวบ้านก็ ป.6 ผมได้บังเอิญไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับอียิปต์ ( ซึ่งก็ไม่ได้บังเอิญหรอกเพราะตั้งใจหยิบมาอ่านจริงๆ นั้นแหละ ) ตอนนี้ก็ผ่านมาจะ 8 ปี แล้ว แต่ผมยังจำเนื้อหาได้ แต่ให้บอกตัวเลขเช่นปี หรือจำนวนแบบเป๊ะๆ ไม่ผิดเพี้ยนเกรงว่าผมจะตอบไม่ได้ บอกเลยขอผ่านครับ ซึ่งผมอ่านๆ ไปก็ถือว่าน่าสนใจมากครับ
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับพีระมิดกันก่อนนะครับ พีระมิดนั้นก็คือสุสานของฟาโรห์ ที่อียิปต์มีความเชื่อกันว่าฟาโรห์ไปแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับ นั้นก็คือจะไม่ฝังหรือเผาศพฟาโรห์เด็ดขาดเพราะเชื่อว่าไม่นานต้องฟื้นกลับมามีชีวิตอีกเป็นแน่แท้ และแน่นอนมันมีวิธีที่จะเก็บศพยังไงไม่ให้เน่านั้นมีวิธีการอยู่ครับ ซึ่งเคยเขียนเกี่ยวกับการทำมัมมี่เอาไว้ คลิ๊กตรงนี้เข้าอ่านเลยครับ
ในการสร้างพีระมิด หรือ สุสาน นั้นกองทัพต้องเดินด้วยท้องอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้นี่แหละครับที่ผมว่ามันน่าสนใจเอาซะมากๆ คือเรื่องเกี่ยวกับอาหารของทาสที่ถูกเกณฑ์มาสร้างพีระมิด อาหารของทาสที่นำมาแจกจ่ายนั้นนั้นก็คือขนมปังครับ โดยขนมปังที่ว่าทำมาจากหิน โดยการนำหินไปบดให้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย จากนั้นเอาเศษหินที่ได้ไปผสมกับแป้งขนมปังแล้วนำไปอบ เหตุผลที่ต้องผสมก้อนกรวดเข้ากับแป้งขนมปังนั้นมาจาก ในการสร้างพีระมิดนั้นมีทาสจำนวนมหาศาลถูกเกณฑ์มาใช้แรงงาน และเนื่องจากอาหารที่จะเลี้ยงทาสก็มีอยู่จำกัด เลยจำเป็นต้องผสมก้อนกรวดเข้าไปเพื่อให้ได้ขนมปังเยอะขึ้น เพื่อเพียงพอต่อจำนวนคนงาน
มีการค้นพบพวกขนมปัง ไวน์ อาหารต่างๆ ในพีระมิด เมื่อนำขนมปังมาดูใกล้ๆ จะพบเศษกรวดผสมอยู่ และอีกหนึ่งหลักฐานที่บอกได้อย่างชัดเจนคือศพมัมมี่ โดยศพของมัมมี่ทุกคนฟันจะบิ่น แตก หัก จากการกินขนมปังผสมกรวดเข้าไป
คงสงสัยกันใช่มั้ยล่ะครับ ว่าทำไมในพีระมิดที่เป็นสุสานฟาโรห์ถึงได้มีศพมัมมี่กับอาหารเก็บเอาไว้? เนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าฟาโรห์จะฟื้นคืนชีพกลับมาในอีกสักวันข้างหน้า เหล่าบรรดาข้ารับใช้จึงได้นำอาหารมาตุนเก็บไว้เพื่อรอการกลับมา และนำทาสมาทำมัมมี่ไว้เพื่อให้ฟาโรห์ได้มีข้ารับใช้หลังจากคืนชีพนั้นเองครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น